วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

ข้อดี 10 ประการของการว่ายน้ำ


ข้อดี 10 ประการของการว่ายน้ำ

  
            
                   ประการที่  1   HEALTH 
                             สุขภาพ เพื่อ สุขภาพ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีซึ่งแพทย์มักจะแนะนำมาก เพราะจะไม่ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บข้อกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆรวมทั้งสามารถออกกำลังกายได้ครบทุกส่วนของร่างกาย              
                ประการที่  2   SAFETY
                            ความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัย สร้างความมั่นใจในการทำกิจกรรมทางน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นน้ำในแม่น้ำและในทะเล การพายเรือ การตกปลา และสาเหตุจากการจมน้ำจะลดน้อยลง หากเราว่ายน้ำเป็น

 
               ประการที่  3   FUN
                           ความสนุกสนาน เพื่อความสนุกสนาน การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนใหม่ ทำให้เด็กเป็นคนกล้าแสดงออก เปิดโลกทัศน์ที่กว้างไกลสำหรับเด็ก
               ประการที่  4   FITNESS 
                           รูปร่างดี เพื่อรูปร่างที่สวยงาม สมส่วน การว่ายน้ำทำให้รูปร่างมีสัดส่วนที่ดีขึ้น กล้ามเนื้อกระชับแข็งแรง จะเห็นว่าหลาย ๆ คน นิยมการว่ายน้ำเพื่อให้รูปร่างดี
               ประการที่  5  ACTIVITIES 
                           พื้นฐานของกีฬา  การว่ายน้ำถือเป็นพื้นฐานของกิจกรรมหรือกีฬาทางน้ำประเภทต่าง ๆ เช่น โปโลน้ำ กระโดดน้ำ ระบำใต้น้ำ เรือใบและกระดานโต้คลื่น เป็นต้น
               ประการที่  6   FAMILY 
                           ครอบครัว การว่ายน้ำถือเป็นศูนย์รวมทางครอบครัวที่จะมารวมกันในการว่ายน้ำเพื่อ สุขภาพ, ความสนุกสนานรวมทั้งสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ดียิ่งขึ้น
               ประการที่  7  COMPETITIVE 
                           การแข่งขันกีฬา ผู้ที่ชื่นชอบการว่ายน้ำสามารถพัฒนาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำได้ ซึ่งถือเป็นกีฬาที่กำลังได้รับการนิยมเพิ่มมากขึ้นและมักมีการจัดการแข่งขัน เสมอ
    
           ประการที่ 8 REFRESHED 
                          สดชื่น การว่ายน้ำสามารถลดความเคลียดได้ ทำให้รู้สึกสดชื่น
              ประการที่  9  NO BARRIERS
                          ไม่เป็นสิ่งขัดขวาง การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่ไม่เป็นอุปสรรคทั้งด้าน อายุ เพศ เชิ้อชาติ และความสามารถจะเห็นว่ากีฬาคนพิการก็จัดให้มีการแข่งขันว่ายน้ำได้ด้วยเช่น กัน
               ประการที่  10  LIFELONG 
                          ตลอดชีวิต การว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ตลอดชีวิต และเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะจะทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง สุขภาพจิตดี อารมณ์ดี
 


กีฬาว่ายน้ำ (Swimming)





              ถือ เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมนุษย์สามารถว่ายน้ำได้ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งมนุษย์ที่ตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามชายทะเล แม่น้ำ ลำคลอง และที่ราบลุ่มต่างๆ เช่น พวกเอสซีเรีย อียิปต์ กรีก และโรมัน มีการฝึกหัดว่ายน้ำกันมาตั้งแต่ก่อนคริสตกาล เพราะมีผู้พบภาพวาดเกี่ยวกับการว่ายน้ำในถ้ำบนภูเขาแถบทะเลทรายลิบยาน
      การว่ายน้ำในสมัยนั้นเพียงเพื่อให้สามารถว่ายน้ำข้ามไปยังฝั่งตรงข้ามได้ หรือเมื่อเกิดอุทก
ภัยน้ำท่วมป่าและที่อยู่อาศัยก็สามารถพาตัวไปในที่น้ำท่วมไม่ถึงได้อย่างปลอดภัย
      การว่ายน้ำได้มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน แต่มีหลักฐานบันทึกไว้ไม่นานนัก Ralph Thomas ให้ชื่อแบบว่ายน้ำที่มนุษย์ใช้ว่ายกันมาตั้งแต่เดิมว่า ฮิวแมน สโตร์ก (Human stroke) นอกจากนี้พวกชนชาติสลาฟและพวกสแกนดิเนเวียรู้จักการ
ว่ายน้ำอีกแบบหนึ่ง โดยใช้เท้าเคลื่อนไหวในน้ำคล้ายกบว่ายน้ำ หรือที่เรียกว่าฟล็อกคิก (Flogkick) แต่วิธีการเคลื่อนไหวของท่าแบบนี้จะทำให้ว่ายน้ำได้ไม่เร็วนัก
      การแข่งขันว่ายน้ำครั้งแรกได้จัดขึ้น วูลวิช บาร์ท (Woolwich Baths) ใกล้กับกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี พ.ศ. 2416 การแข่งขันครั้งนั้นมีการแข่งขัน
เพียงแบบเดียวคือ แบบฟรีสไตล์ (Free style) โดยผู้ว่ายน้ำแต่ละคนจะว่ายแบบใดก็ได้ ในการแข่งขันครั้งนี้ J. Arhur Trudgen เป็นผู้ได้รับชัยชนะ โดยเขาได้ว่ายแบบเดียวกับพวกอินเดียแดงในอเมริกาใต้ คือ แบบยกแขนกลับเหนือน้ำ ซึ่งเป็นวิธีการว่ายน้ำของเขาได้กลายเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากจนได้ชื่อว่า ท่าว่ายน้ำแบบทรัดเจน (Trudgen stroke)




        

      ประชาชนชาวโลกได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับการว่ายน้ำเพิ่มมากขึ้น เมื่อเรือเอก Mathew Webb ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษจากเมืองโดเวอร์ คาเลียส เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2418 โดยใช้เวลาทั้งสิ้น 21 ชั่วโมง 45 นาที ด้วยการว่ายแบบกบ (Breast stroke) ข่าวความสำเร็จอันนี้ได้สร้างความพิศวงและตื่นเต้นไปทั่วโลก ต่อมาเด็กชาวอเมริกันชื่อ Gertude Ederle ได้ว่ายน้ำข้ามช่องแคบอังกฤษ เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2469 ทำเวลาได้ 14 ชั่วโมง 31 นาที โดยว่ายน้ำแบบท่าวัดวา (Crawa stroke) จะเห็นได้ว่าในชั่วระยะเวลา 50 ปี
   การว่ายน้ำได้วิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก ถ้าหากได้พิจารณาถึงเวลาของคนทั้งสองที่ทำได้ แบบและวิธีว่ายน้ำได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดความเร็วขึ้นเสมอในบรรดานักว่ายน้ำทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวแลนเคเชียร์และออสเตรเลียได้ดัดแปลงวิธีว่ายน้ำ
แบบทรัดเจน ซึ่งก็ได้รับผลดีในเวลาต่อมา กล่าวคือ Barney Kieran ชาวออสเตรเลียและ T. S. Battersby ชาวอังกฤษได้ว่ายน้ำแบบที่ปรับปรุงมาจากทรัดเจน เป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2449-2415




          Alex Wickham ชาวเกาะโซโลมอนเป็นผู้ริเริ่มการว่ายน้ำแบบท่าวัดวาและเป็นผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศของโลกระยะทาง 50 หลา เขาได้กล่าวว่าเด็กโซโลมอนทุกคนว่ายน้ำแบบนี้ทั้งนั้น ต่อมาท่าว่ายน้ำแบบวัดวาจึงเป็นที่นิยมฝึกหัดกันโดยทั่วไป กีฬาว่ายน้ำได้จัดเข้าไว้ในการแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี พ.ศ. 2436 และ ได้จัดการแข่งขันมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุดังกล่าวกีฬาว่ายน้ำก็ได้รับความสนใจจากคนทั่วไป และถือเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก มีการพัฒนากีฬาว่ายน้ำให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นเป็นลำดับ โดยมีผู้คิดแบบและประเภทของการว่ายน้ำเพื่อความสนุกสนาน และความตื่นเต้นในการแข่งขันมากขึ้น

 

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

ท่าว่ายน้ำ BREASTSTROKE ท่ากบ



ท่าว่ายน้ำ

BREASTSTROKE ท่ากบ


           "คนส่วนใหญ่คิดว่าท่ากบจะสบายที่สุด แต่คุณรู้ไหมว่าท่ากบเป็นท่าที่ต้องใช้เทคนิคและพรสวรรค์สูงที่สุด"
        ข้อความด้านบนเป็นจริง เพราะท่ากบเป็นท่าธรรมชาติของมนุษย์ คือ ใช้มือพุ้ยน้ำและใช้เท้าถีบไปเรื่อยๆ แต่ในการแข่งขันแล้วท่ากบใช้เทคนิคสูง เพราะการว่ายไม่เหมือนกับการว่ายเล่นธรรมดา และต้องใช้พรสวรรค์สูงเพราะเป็นท่าที่นักกีฬา ต้องมีกล้ามเนื้อที่เรียวยาว ข้อหัวเข่ายืดหยุ่นได้สูง ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะหาคนที่เหมาะสมกับการว่ายแบบนี้จริงๆ และที่บอกว่าใช้เทคนิคสูงเนื่องจากอะไรนั้นสามารถดูได้จากเว็บไซต์นี้ แต่รูปที่นำมาแสดงเป็นการว่ายแบบปกติของท่ากบ 



การใช้แขนท่ากบ (Breaststroke Arm Action) 



            การใช้แขนในท่ากบ มีความสำคัญในการขับเคลื่อนร่างกายไปข้างหน้าน้อยกว่าการใช้ขา เพราะท่ากบใช้พลังขา 70 %เพื่อการขับเคลื่อนร่างกาย แต่การใช้แขนก็ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญเพราะอีก 30 % ก็มีผลต่อการว่ายเช่นกัน เรามาดูกันว่าการใช้แขนของท่ากบนั้นทำอย่างไรบ้าง
      1. ให้คุณกดมือพร้อมๆ กับการกวาดมือไปด้านข้าง โดยการกดมือและแขนลงนั้นให้กดลงประมาณ 45 องศา
      2. เมื่อกวาดมือออกมาเลยช่วงไหล่เล็กน้อยให้โก่งแขนโดยงอข้อศอกและยกข้อศอกให้ สูงเอาไว้พร้อมกับล็อคข้อศอกให้อยู่กับที่คือไม่ลากศอกออกไปด้านหลัง
      3. ตวัดมือทั้งสองข้างให้มาด้านหน้าในลักษณะกระพุ่มมือ (การตวัดให้มาทั้งแขนท่อนล่างไม่ใช่ตวัดแค่ข้อมือ) พร้อมทั้งให้หนีบศอกทั้งสองข้างมาชิดตัวอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งยืดแขนออกไป ด้านหน้าอย่างเร็วด้วย
      4. ก้มหัว ส่งแรงจากไหล่ตามแขนไปด้วย 



 การใช้ขาท่ากบ (Breaststroke Leg Action)



        ขั้นตอนในการใช้ขาของท่ากบ มีดังนี้
        1. ให้รวบขาชิดกันเท้าชิดกันเอาไว้ ยืดขาให้ยาว
        2. งอเข่า ดึงส้นเท้ามาหาสะโพก ข้อสำคัญคุณต้องไม่ชักเข่าเข้าใต้ลำตัวของคุณ โดยการงอเข่านั้นคุณต้องแยกขาเล็กน้อยแต่คุณต้องบังคับให้เข่าและเท้ายัง อยู่ในช่วงกว้างของสะโพก
        3-4. เมื่อเท้าชิดสะโพกแล้วให้หมุนเท้าโดยให้นิ้วเท้าชี้ไปด้านข้าง ฝ่าเท้าอยู่ในท่าที่เตรียมจะถีบน้ำ
        5-6. ถีบน้ำไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
        7-10. หลังจากนั้นให้คุณรวบขาและเท้าทั้งสองข้างให้ชิดกันอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมที่จะถีบใหม่อีกครั้ง



.................................................




วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

ท่าว่ายน้ำ BUTTERFLY ท่าผีเสื้อ



ท่าว่ายน้ำ


BUTTERFLY ท่าผีเสื้อ


         
     
       ท่าผีเสื้อ เป็นท่าที่คุณต้องใช้แรงในการว่ายมากที่สุด และในการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าสุดท้าย ท่านี้มีความเร็วเป็นอันดับสองรองจากฟรีสไตล์ แต่ถ้าคุณว่ายเก่งคุณสามารถว่ายจี้ติด คนที่ว่ายท่าฟรีสไตล์ได้เลยทีเดียวในการว่ายท่าผีเสื้อนี้คุณจะต้องฝึกฝนเป็นเวลานานกว่าท่าอื่น รวมทั้งคุณต้องมีร่างกายที่แข็งแรงด้วย บางคนคิดว่าการว่ายผีเสื้อต้องเป็นคนที่หัวไหล่แข็งแรงเท่านั้นแต่ความเป็นจริงแล้วแค่นั้นยังไม่พอ คุณต้องมีกล้ามเนื้อทั้งหัวไหล่ หน้าอก ลำตัว หลังและขาที่แข็งแรงมาก ถ้าคุณว่ายที่นี้ได้ดี คุณจะว่ายได้อย่างสวยงามไม่น้อยเลย สำหรับผู้ชายที่ว่ายน้ำท่านี้ คุณจะมีรูปร่างที่สวยงามเป็นเหมือนสามเหลี่ยมหัวกลับเลยเชียว แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง คุณก็อาจจะมีช่วงไหล่ที่กว้างและใหญ่ได้ ในการว่ายท่านี้มีลักษณะเป็นการถ่ายน้ำหนักของร่างกายไปมาจากหน้าไปหลังและ หลังไปหน้าไปเรื่อยๆ ดังนั้นท่านี้ต้องอาศัยเอวและสะโพกมาช่วย





การใช้แขนท่าผีเสื้อ ( Butterfly Arm Action )

การใช้แขนของท่าผีเสื้อนั้น เป็นดังรูป โดยมีขั้นตอนในการว่ายดังนี้




           1. เมื่อแขนคุณอยู่ข้างหน้า ให้กดมือลงพร้อมกับกวาดออกไปด้านข้างเล็กน้อย
    2. งอข้อศอกพร้อมทั้งดันมือผ่านใต้ลำตัว
    3. ดันน้ำจนแขนผ่านบริเวณต้นขา
    4. ยกแขนขึ้นให้ศอกและมือพ้นจากน้ำ
    5. วางแขนกลับไปด้านหน้าโดยให้แขนมีความกว้างเท่าช่วงไหล่



                      การใช้ขาท่าผีเสื้อ ( Butterfly Leg Action )  
       
     "การเตะขาเหมือนปลาโลมาช่วยในการถ่ายน้ำหนักไปมาระหว่างด้านหน้าและหลัง และยังส่งตัวคุณให้พุ่งไปข้างหน้าด้วย" ในการว่ายท่าผีเสื้อนั้นการเตะขามิใช่จะใช้แต่เพียงขาเท่านั้น ยังต้องใช้ลำตัวและเอวในการที่จะบังคับร่างกายให้เลื้อยไปตามน้ำด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคุณเตะขาท่านี้ได้ไม่ดี หรือมีพื้นฐานการเตะขาในท่าก่อน ๆ ไม่ดีพอแล้ว คุณจะจับจุดไม่ถูกว่าจะต้องเตะแบบไหนเพื่อให้ได้แรงและส่งตัวคุณไปข้างหน้า ได้ แต่ถ้าคุณเข้าใจการเตะขาของฟรีสไตล์มันก็เป็นหลักการเดียวกัน เพียงแต่ว่า คุณต้องเตะสองขาพร้อมๆ กันนั่นเอง



.................................................




ท่าว่ายน้ำ BACKSTROKE ท่ากรรเชียง


ท่าว่ายน้ำ


BACKSTROKE ท่ากรรเชียง





           หากคุณว่ายท่าฟรีสไตล์ได้ การว่ายท่ากรรเชียงก็ไม่ยากสำหรับคุณเพราะท่ากรรเชียงก็เหมือน
กับท่าฟรีสไตล์กลับด้านกันนั่นเอง ดังนั้นคุณสามารถว่ายกรรเชียงโดยดัดแปลงหลักการของฟรีสไตล์ได้ ถ้าคุณคิดจะว่ายเล่นคำพูดที่บอกว่าหน้าอยู่เหนือน้ำตลอดก็เป็นคำพูดที่ถูก แต่ในการแข่งขันแล้ว ไม่เลย เพราะในการว่ายระดับสูงจะมีคลื่นที่เกิดจากการวางแขนของคุณไปด้านหลังอย่างเร็วและต้องวางให้ชิดกับหูของคุณด้วย ดังนั้นจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าน้ำจะเข้ามาที่หน้าของคุณการแก้ไขทำได้ดังนี้


การใช้แขนท่ากรรเชียง (Backstroke Arm Action)



         
     
       การว่ายท่ากรรเชียง คุณต้องนอนหงายแล้วว่ายในลักษณะเคลื่อนที่ไปด้านหลัง แต่การทำงานของแขน และมือจะคล้ายกับท่าฟรีสไตล์มาก
  1. เมื่อคุณยืดแขนออกไปแล้ว แขนคุณต้องชิดหู ไม่ใช่เอาหูไปชิดแขนนะครับ ให้พาแขนมาชิดหู
  2. ให้คุณกดแขนลงไปในน้ำ ที่สำคัญปล่อยไหล่ตามสบาย ถ้าคุณเกร็งไหล่ให้อยู่กับที่เอาไว้ คุณจะกดแขนลงน้ำไม่ได้              

  3. งอข้อศอกและตั้งมือ พร้อมทั้งดันน้ำผ่านไปทางต้นขาของคุณอย่างรวดเร็ว
  4. จังหวะสุดท้ายของการดันน้ำ ให้คุณกดมือลงอย่างแรง จนแขนของคุณตึง
  5. เมื่อคุณยกแขนขึ้นมาจากน้ำ คุณต้องไม่งอข้อศอก และวางแขนไปด้านหลังโดยไม่ฟาดน้ำ โดยการวางแขนนั้นให้คุณหันฝ่ามือเอานิ้วก้อยลงก่อน
  6. เริ่มทำข้อ1.กับแขนอีกข้าง



การใช้ขาท่ากรรเชียง (Backstroke Leg Action)

   "การเตะขาที่ถูกวิธี จะช่วยทำให้คุณว่ายน้ำได้เร็วและดีขึ้น เพราะมันจะช่วยให้การทรงตัวของร่าง
กายคุณสมบูรณ์แบบ" ในการเตะขาท่ากรรเชียงนั้นจะมีน้ำหนักในการเตะขามากกว่าท่าฟรีสไตล์โดยเป็นการเตะในลักษณะสะบัดน้ำขึ้นไปทำให้ขาต้องทำงานหนักกว่าปกติ แต่การเตะที่ถูกต้องก็จะช่วยเสริมให้การว่ายดีขึ้นและอย่างที่บอกคือจะทำให้ การทรงตัวของร่างกายสมบูรณ์แบบขั้นตอนในการเตะขาแบบกรรเชียง มีดังนี้




      เมื่อดูจากรูปแล้วจะพบว่า ลักษณะการเตะขาจะคล้ายคลึงกับการเตะขาท่าฟรีสไตล์มาก โดยแรงส่งจากสะโพกขึ้นไป และขาต้องพลิ้วเหมือนหางปลา ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เท้าต้องไม่โผล่พ้นน้ำจนเห็นหน้าแข้งและเท้าต้องไม่มีการตั้งขึ้นมา คือไม่จิ้มและไม่เกร็งข้อเท้า มิฉะนั้นเท้าของคุณจะไม่มีหน้าสัมผัสที่จะเตะน้ำ หัวเข่าก็เช่นกัน ไม่งอค้างเอาไว้เหนือน้ำ โดยการเคลื่อนที่ของขาจะต้องไปด้วยกันตั้งแต่สะโพก ถึงปลายเท้า ไม่ใช่งอขาเอาไว้แล้วเตะออกจากเข่าอย่างเดียว คุณจะเป็นได้ว่าหลักการของการเตะขาท่ากรรเชียง เหมือนกับการเตะขาท่าฟรีสไตล์ เลย แต่เปลี่ยนจากนอนคว่ำเป็นนอนคว่ำเท่านั้นเอง





.................................................



ท่าว่ายน้ำ FREESTYLE ท่าฟรีสไตล์

ท่าว่ายน้ำ


FREESTYLE  ท่าฟรีสไตล์





         คำว่า "ฟรีสไตล์" เป็นคำที่เรียกกันติดปาก เพราะถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ท่านี้มีชื่อว่า "crawl stroke" (อ่านว่า ครอล สโตรค) ที่เรียกกันว่า ฟรีสไตล์ก็เพราะคุณสามารถว่ายท่าอะไรก็ได้ที่คิดว่าเร็วที่สุดเพื่อให้ถึงขอบสระก่อนคนอื่น โดยท่าที่นิยมใช้คือ crawl stroke ท่านี้จึงมีความเร็วสูงที่สุด เป็นเพราะท่านี้เป็นท่าที่ร่างกายมีความเพรียวลู่น้ำมากกว่าท่าอื่นๆ รวมทั้ง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งท่านก็สามารถจะว่ายได้อย่างง่ายดาย และใกระบวนการสอนว่ายน้ำก็จะสอนท่านี้เป็นท่าแรก


การใช้แขนท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Arm Action)
         
 


       1. การว่ายน้ำทุกท่ายกเว้นท่ากบ จะต้องใช้แขนและมือเป็นตัวขับ เคลื่อนถึง 70 % หรือมากกว่า ดังนั้นแขนจึงเปรียบเสมือนไม้พาย ที่จะช่วยให้ร่างกายไปข้างหน้าได้ และในท่าฟรีสไตล์นั้น มีลักษณะการใช้แขนที่มีความต่อเนื่องกันมากที่สุด โดยการว่ายให้มีความเร็วและถูกต้องนั้น ทำได้ดังนี้1. เมื่อคุณยืดแขนไปด้านหน้าจนสุดแล้ว แขนของคุณต้องชิดกับหู
       2. ต่อจากนั้นให้คุณกดมือลง พร้อมกับโก่งแขนโดยการยกข้อศอกโดยแรงที่จะส่งตัวคุณนั้นจะออกมาจากไหล่
       3. ดันแขนท่อนล่างให้ผ่านไปใต้ลำตัว นิ้วทุกนิ้วเรียงชิดติดกัน
       4. ดันน้ำจนกระทั่งแขนของคุณตึงพอดี สามารถตรวจสอบได้ โดยมือของคุณจะผ่านไปถึงต้นขา
       5. ยกแขนขึ้น โดยงอข้อศอก แล้ววาดแขนมาด้านหน้า วางมือลงน้ำ กดศอกแล้วยืดแขนออกไป

                            
        ารใช้ขาท่าฟรีสไตล์ (Freestyle Leg Action)
     
      ในการใช้ขาของท่าฟรีสไตล์ จะเตะขาในลักษณะเตะสลับขึ้นลงซ้าย-ขวา โดยที่จะต้องส่งแรงเตะมาจากสะโพก ไม่ใช่เตะจากหัวเข่า โดยในการเตะขานั้น ข้อเท้าและหัวเข่าต้องมีความพลิ้วไม่เกร็งเป็นอันขาดจังหวะของการเตะขาท่า ฟรีสไตล์มีดังนี้  
 



  ฝึกกลับตัวว่ายน้ำ ท่าฟรีสไตล์








.................................................





เทคนิคการว่ายน้ำ


เทคนิคการว่ายน้ำ


    < ฝึกหายใจเข้าออกขณะอยู่ในน้ำ หรือ ภาษาว่ายน้ำเรียกว่า "ปั้มลม" >


- ให้จับขอบสระไว้ทั้งสองมือในเอาริมที่ตื้นๆที่เรายืนได้ก่อน

- หายใจเข้าเหนือผิวน้ำให้เต็มปอด

- แล้วนั่งยองๆลงไปในน้ำ ปล่อยลมหายใจออกใต้น้ำ โดยให้ค่อยๆหายใจออก

- เมื่อลมใกล้จะหมดก็ให้ขึ้นมาหายใจให้เต็มปอดอีกครั้ง

- ทำสลับกันไปเรื่อยๆเป็นจังหวะช้าๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับการหายใจออกใต้ผิวน้ำ





                                                   < ฝึกเหยียดตัวตรงตีเท้าในน้ำ >


     หลังจากที่เราฝึกปั้มน้ำจนชินแล้ว ก็เปลี่ยนจากท่าลุกนั่งไปเป็นเกาะขอบสระเหยียดตัวตรง

- เริ่มด้วยท่าเดิมคือเกาะขอบสระฝั่งที่ตื้นๆไว้ก่อน

- จากนั้นเมื่อพร้อมก็ให้หายใจเข้าแล้วเหยียดตัวตรงในท่าคว่ำหน้าลงไปในน้ำ โดยยังไม่ต้องตีขาก่อน

- ค่อยๆหายใจออกเหมือนในท่าลุกนั่ง

- เมื่อลมใกล้หมด ให้เงยหน้าขึ้นตรงๆแล้วหายใจเข้าเหมือนท่าเรานอนอ่านหนังสือ

- จากนั้นก็ทำสลับกันไปชนจินในจังหวะหายใจของเราแล้ว

- เมื่อชินกับจังหวะหายใจด้วยท่าเหยียดตรงคว่ำหน้าแล้ว

- ก็ให้เพิ่มการตีขาสลับซ้ายขวา ขึ้นลง ช้าๆร่วมเข้าไปกับการฝึกหายใจด้วยไป

- ข้อควรระวังคือ ให้ตีขาสลับแบบช้าๆไปก่อนจนชินแล้วค่อยๆเพิ่มความเร็วกันไป อย่าเพิ่งไปตีขาเร็วๆ เพราะจำให้เราเสียจังหวะจนทำให้เราสำลักน้ำได้



                                                     < ฝึกลอยตัวในน้ำด้วยโฟม >

     หลังจากเราคุ้นเคยกับการหายใจด้วยการลุกนั่งกับยืดตัวที่ขอบสระแล้วก็ลองใช้โฟมกันดู

- หาโฟมว่ายน้ำสักแผ่นเอาแบบที่เราจับเหมาะๆนะ

- ทีนี้เราจะหันหน้าออกสระน้ำกันแล้ว เอาง่ายๆก่อนเลย

- ถือโฟมแล้วเดินออกไปจากขอบสระประมาณ 5 เมตรก่อน แล้วหันหน้ากลับเข้าขอบสระ

- ถือโฟมเหยียดแขนตรงเหมือนว่าเราจะตีเท้าที่ขอบสระแล้ว

- จากนั้นก็เริ่มใช้ท่าเหยียดตรงนั้นแหละครับ มือถือโฟมเหยียดไปข้างหน้าพร้อมกับค่อยๆตีเท้าไปแบบไม่ช้าไม่เร็ว

- เพราะถ้าช้าไปตัวอาจจะจมได้ และ ถ้าเร็วไปก็จะทำให้ตัวเราไม่นิ่งซึ่งอาจจะส่งผลให้ตกใจได้

- เมื่เริ่มตีเท้าจากจุด 5 เมตรแล้ว ให้ตีเท้าสลับเงยหน้าหายใจตามจังหวะของเรา

ไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆ

- จนถึงขอบสระ ก็ถือว่าสำเร็จ เย้ๆๆๆ

- ทำในระยะ 5 เมตรนี้ไปเรื่อยๆ จนชิน ก็ค่อยๆเพิ่มระยะไปเป็น 10 , 15 , 20 , 25 หรือตามแต่จะวางแผนกันไปครับ

- ฝึกบ่อยบ่อยให้เชี่ยวชาญ 

  

.................................................